Facebook Ads เปิดให้บริการการระบุตำแหน่งโฆษณาในรูปแบบใหม่ โดยเข้าถึงผู้ใช้งานที่กำลังใช้งาน Facebook อยู่ในขณะนั้นด้วย Location และนำเสนอโฆษณาที่ใกล้เคียงหรือตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น อยู่ตรงร้านอาหาร ผู้ใช้งานก็จะเห็นโฆษณาอาหารขึ้นในฟีด เป็นต้น
ก็นับว่าเป็นอีกความสามารถในการเจาะตลาดลูกค้าได้แบบตรงจุดมากขึ้น และชวนให้ลูกค้าเข้าดูโฆษณาของเรา และสั่งซื้อสินค้าของเราได้อีกทางเลือก ส่วนอัตราค่าบริการโฆษณานั้นก็ต้องลองไปกดเลือกๆดูก่อนนะครับ
Facebook Group ถือเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจของ Facebook เลยก็ว่าได้ เพราะมีผู้สนใจและใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก อีกอย่างก็มีฟีเจอร์ For Sale Groups สำหรับการขายสินค้าใน Groups ให้สะดวกขึ้น เพิ่มเข้ามาด้วย โดยมีผู้ใช้งานฟีเจอร์นี้มากกว่า 450 ล้านคนต่อเดือนเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงเป็นที่ดึงดูดสำหรับการลงโฆษณาเป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด Facebook ได้เริ่มทดสอบการโฆษณาบน Groups แล้ว ทั้งบนอุปกรณ์พกพาและเดสก์ท็อป โดยลักษณะโฆษณาจะเหมือนกับโฆษณาบน News Feed นั่นเอง ขณะนี้เริ่มทดสอบใน ออสเตรเลีย, แคนาดา, ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์
หลังจากที่ทาง WhatsApp ได้ทำการอัพเดตนโยบายการใช้งานและความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน WhatsApp Application โดยเพิ่มกฎว่า WhatsApp สามารถนำเอาข้อมูลไปใช้งานกับระบบ Facebook ได้
ทาง EPIC หน่วยงานด้านความเป็นส่วนตัวจึงได้บอกว่า WhatsApp นั้นฝ่าฝืนคำสั่งของ FTC เกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยการโกหกผู้ใช้เมื่อตอนขายให้ทาง Facebook ในปี 2014 ว่าทางบริษัท WhatsApp จะไม่หายข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook แต่ปัจจุบันดันมาอัพเดตว่าสามารถนำเอาข้อมูลไปใช้กับระบบ Facebook ได้ การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างมาก
ทางด้าน WhatsApp ได้ออกมาบอกว่า การแชร์ข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นการทดสอบความสามารถใหม่ๆ ที่ทำงานร่วมกับระบบ Facebook เท่านั้น แต่ยังแจ้งอีกว่า ข้อมูลและข้อความต่างๆนั้นยังคงเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอยู่เหมือนเดิม ไม่สามารถอ่านได้
เพื่อแก้ปัญหา emoji ใน Facebook Messenger ที่แต่ละแพลตฟอร์มจะแสดงไม่เหมือนกัน เพราะอาจสื่อถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป Facebook จึงได้ปรับการแสดง emoji ใหม่บนแอพ Messenger เพื่อมีการแสดงผลเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม แต่ถ้า emoji ที่แพลตฟอร์มหนึ่งมีแต่อีกแพลตฟอร์มไม่มีก็จะเห็นเป็นเพียงกล่องสีดำๆแทน แถมตอนนี้ Facebook ยังมีแพลนเพิ่ม emoji อีกว่า 100 ตัว โดยจะเริ่มบนเว็บและแอพบน Android ก่อน ฉะนั้นต่อไปนี้เราก็จะได้ใช้ emoji สื่ออารมณ์ในการสนทนาได้หลากหลายมากขึ้น และสนุกมากขึ้นนั่นเอง
ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งซึ่งเขาสวยมาก ฉันอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขา ก็เลยแอบไปส่อง Facebook เพื่อนคนนี้ แต่สิ่งที่ฉันพบและประหลาดใจมากคือ รูปโปรไฟล์ของเขามันสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วย และฉันเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราสามารถใช้วิดีโอเป็นโปรไฟล์แทนภาพนิ่งได้
ไหนๆก็ส่อง Facebook เขาไปแล้วเลยทักแชทไปถามว่า ฉันอยากได้รูปโปรไฟล์ที่เคลื่อนไหวได้แบบเธอ ต้องทำอย่างไร? เขาก็เล่าให้ฟังว่า มันคือ Facebook Profile Video ซึ่งผู้ใช้ Facebook สามารถอัพโหลดวิดีโอความยาว 7 วินาที เพื่อใช้เป็นวิดีโอโปรไฟล์แทนภาพนิ่งได้และหากจิ้มไปที่วิดีโอโปรไฟล์ จะสามารถฟังเสียงวิดีโอได้ด้วย ขณะนี้กำลังเริ่มทดสอบการใช้งานกับผู้ใช้ iPhone บางส่วนแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งานก็จะทยอยอัพเดทให้ผู้ใช้ทั้งโลกได้ใช้งานกัน และฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเพราะทำให้เราได้รู้จักตัวตนเจ้าของเฟสที่แท้จริงมากขึ้น ต่างจากโปรไฟล์ภาพนิ่งที่บางคนตัวจริงกับรูปโปรไฟล์ต่างกันมาก
ปุ่ม Dislike หรือปุ่มไม่ถูกใจใน Facebook ถูกร้องขอโดยผู้ใช้มานานแล้ว แต่ทาง Facebook ก็ไม่มีให้สักที ล่าสุด Mark Zuckerberg CEO Facebook ก็ได้บอกว่ามีแผนเตรียมเพิ่มปุ่ม Dislike ลงบน Facebook ตามที่ร้องขอแล้ว เนื่องจากว่ายังมีความลังเลอยู่ในตอนแรก เพราะกลัวว่าผลกระทบที่ตามมาจะไม่ดีนัก ที่สำคัญผู้ใช้งานอาจนำไปใช้กับคนที่เกลียดแล้วเกิดความรุนแรงตามมาในภายหลัง แต่เมื่อพิจารณาอีกครั้ง Facebook ก็เห็นว่าไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะต้อง Like ถูกใจเสมอไป จึงได้เตรียมเพิ่มปุ่ม Dislike ลงบน Facebook พร้อมกับเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะตามมาในภายหลังด้วย
โดยปกติแล้วเวลาที่เราตั้งรหัสผ่านอะไรสักอย่างหนึ่งสิ่งที่เรานิยมทำกันเป็นประจำ แต่เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เพราะมีผลในเรื่องของความปลอดภัย นั่นก็คือการใช้รหัสผ่านต่างๆไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่านของอีเมลล์ รหัสผ่านของ Facebook หรือจะเป็นรหัสผ่านอื่นๆก็มักจะใช้ชุดรหัสผ่านตัวเดียวกันทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเมื่อมีรหัสผ่านอย่างใดอย่างหนึ่งโดนแฮ็กหรือรหัสผ่านหลุดขึ้นสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ความเสียหายก็เกิดขึ้นกับสิ่งที่ใช้ชุดรหัสเดียวกัน ซึ่งทาง Facebook ได้ออกมาตระหนักเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น จึงพยายามที่จะช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้งาน ด้วยการหมั่นตรวจสอบรหัสผ่านที่หลุดออกมาสู่ระบบอินเตอร์เน็ตว่าตรงกับรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้งาน Facebook หรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีรหัสตรงกันก็จะแจ้งให้กับผู้ใช้งานได้ทราบทันที เพื่อทำการแก้ไขรหัสผ่าน หรือเปลี่ยนรหัสใหม่ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งานความจริงแล้วทาง Facebook ได้มีการใช้ระบบนี้ในการตรวจสอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และก็สามารถที่จะช่วยแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อถูกแฮ็กรหัสผ่านได้อย่างทันท่วงที เมื่อครั้ง Adobe ที่โดนแฮ็กในปี 2013 ที่ผ่านมานี่เอง
อย่างไรก็ตามทาง Facebook ได้มีการพูดถึงการแฮ็กรหัสผ่านดังกล่าวนี้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานเองก็ต้องระวังเอาไว้ เพราะอาจจะทำให้ข้อมูลลับบางอย่างถูกเผยแพร่ โดยที่คุณไม่ต้องการและอาจจะนำไปสู่ความเสียหายหรือเดือดร้อนกับตัวผู้ใช้งานเองได้ สำหรับ Facebook ก็ได้พูดถึงวิธีการแก้ปัญหานี้ด้วยตัวผู้ใช้งานเองด้วย คือ ควรจะต้องใช้รหัสผ่านที่มีความแตกต่างกันออกไปแต่ละเว็บไซต์ ควรที่จะเลือกใช้ระบบล็อกอินแบบสองชั้น ถ้ามีให้เลือก ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานเอง สำหรับใครที่ชอบใช้รหัสผ่านแบบเดียวกันทั้งหมดก็คงต้องกลับมานั่งแก้รหัสผ่านกันใหม่แล้วละคะ
สำหรับฟีเจอร์คอมเมนต์ด้วยสติกเกอร์ของ Facebook นั้น ได้เคยทดลองใช้งานกับผู้ใช้บางคนมาในระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็คงจะได้เวลาอันสมควรในการเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปสักที โดยการคอมเมนต์ด้วยสติกเกอร์จะเหมือนกับใน Messenger ของ Facebook ที่มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวนั่นเอง ซึ่งเราก็จะเห็นว่าช่องคอมเมนต์ที่สามารถใส่สติกเกอร์ได้ ทำให้ได้อารมณ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อลองเล่นกับเพื่อนๆแล้วก็สนุกไม่เบาเลย เพราะในคอมเมนต์ของเพื่อนจะตามด้วยสติกเกอร์น่ารักๆ มีลูกเล่นมากมายทำให้การคอมเมนต์ต่างๆดูน่าสนใจ และดึงดูดให้เข้าไปร่วมแจมด้วย คาดว่าฟีเจอร์นี้จะต้องได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานไม่น้อยเลยที่เดียว พร้อมกันนี้ก็รองรับการใช้งานทั้งบนสมาร์ทโฟน (iOS และ Android) และเครื่องคอมพิวเตอร์ PC อีกด้วย
ในที่นี้ใครบ้างไม่เล่น Facebook เชื่อว่าก็คงมีบ้าง แต่ก็อาจเป็นส่วนน้อยสำหรับหนุ่มสาวในปัจจุบัน แม้แต่รุ่นป้า ย่า ยาย บางท่านก็ยังเล่นเลย เพราะจะได้พูดคุยหรือติดตามลูกหลานของตัวเอง อีกอย่างก็จะได้ไม่เหงาด้วย ที่บอกว่า Facebook จะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ยังครองใจคนไทยอีกนานนั้น ไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง เพราะมีผลสำรวจมารองรับด้วย เนื่องจาก พบว่าคนไทยใช้เวลาบน Facebook มากขึ้น เรียกได้ว่าตลอดทั้งวันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ต่างๆ หรือระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีการโพสลง Facebook มากขึ้นด้วย ทั้งเวลากิน นอน ทำงานก็ยังไม่เว้น ดังนั้นคงยากพอสมควรที่จะมีอะไรมาล้ม Facebook ได้ เนื่องจากปัจจุบันเราก็จะเห็นว่ายังมีโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆอีกหลายตัวที่นิยมเล่นกัน ได้แก่ LINE, Twitter, Instagram เป็นต้น แต่ Facebook ก็ยังถือเป็นที่ 1 อยู่ดี
